ผู้สนับสนุนโดย

20 ที่เที่ยวเปิดใหม่ ครึ่งปีหลัง 2018 ถ้าไม่อยากเชยต้องเช็คอิน

20 ที่เที่ยวเปิดใหม่ ครึ่งปีหลัง 2018
ถ้าไม่อยากเชยต้องเช็คอิน

1. ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ จ.อุทัยธานี

เดิมเป็นฝายปูนกั้นน้ำธรรมดาๆ ไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ฝายแห่งนี้พิเศษขึ้นมานั้น คือช่วงหน้าฝนน้ำจะไหลเอ่อล้นจากบนลงล่าง กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดเล็ก โอบล้อมด้วยวิวภูเขาและพื้นหญ้าเขียวชะอุ่ม ซึ่งเรายังสามารถลงไปสัมผัสความเย็นสดชื่นของสายน้ำได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : กระโจนสู่สายน้ำเย็นที่ ‘ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์’ ที่เที่ยวใหม่ จ.อุทัยธานี

2. บานาน่าฟาร์ม จ.กาญจนบุรี

หนุ่มสาวคนไหนหลงไหลธรรมชาติ ชอบถ่ายรูป ที่สำคัญชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้มา บานาน่าฟาร์ม แห่งนี้ เพราะนี่ไม่ใช่แค่ร้านอาหารและคาเฟ่ออร์แกนิคธรรมดาๆ แต่ทีเด็ดคือมันตั้งอยู่กลางสวนกล้วยน้ำว้า ขนาบข้างด้วยร่องสวน มีทางเดินเหนือสวนกล้วย หรือ สะพานยอดกล้วย ให้เดินชมวิวสวนกล้วยจากมุมสูง มองเห็นได้ทั่วแบบพาโนราม่า แถมบรรยากาศก็ดี ร่มรื่น และช่วงค่ำทางร้านจะเปิดไฟทั้งสะพาน บอกเลยว่ายิ่งสวยกว่าเดิมหลายเท่า
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ‘บานาน่า ฟาร์ม’ ที่เที่ยว ที่กิน ถ่ายรูปสวย จ.กาญจนบุรี

3. บ่อน้ำเดือด จ.ลพบุรี

ฉายาวังเวียงในไทย เนื่องจากลักษณะเป็นแอ่งน้ำสีฟ้าอมเขียว ใสเหมือนมรกต ซึ่งเกิดจากตาน้ำใต้ดิน ที่ผุดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แล้วไหลไปตามลำธาร ปะทะกับชั้นหินต่างๆ ที่มีแร่ธาตุจำนวนมากปนอยู่ ทำให้น้ำมีความใส จนคนทั่วไปเรียกว่า บลูลากูนแห่งลพบุรี แต่ตอนนี้ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ สามารถไปนั่งหย่อนขา หรือเดินเล่นริมขอบสระเพลินๆ ได้
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : วังเวียงในไทย! บ่อน้ำเดือด ลพบุรี สวยใสเหมือนมรกต

4. ณ สัทธา อุทยานไทย จ.ราชบุรี

ณ สัทธา อุทยานไทย สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และอนุรักษ์ความเป็นไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เพราะ…สาระความรู้ ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน เพราะ…ความสงบสุขไม่ได้มีเพียงในวัดวาอาราม”  โดยสอดแทรกความศรัทธา ความรู้ คติธรรม ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทย ไว้อย่างลงตัว ด้วยเทคนิคการนำเสนอที่ทันสมัย ตื่นตาตื่นใจ แสงสีเสียงอลังการ
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ใส่สไบไปเที่ยว ‘ณ สัทธา อุทยานไทย’ แลนด์มาร์คใหม่ จ.ราชบุรี

5. ตลาดมดตะนอย กรุงเทพฯ

ตลาดมดตะนอย ตลาดน้ำฮาลาลน้องใหม่ ริมคลองบางมด ถนนพุทธบูชา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของคนในชุมชนมัสยิดนูรุ้ลหุดา เพื่อหารายได้เสริมที่ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน จึงมีแนวคิดเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ลิ้มรสอาหารฮาล้าลแสนอร่อย ล่องเรือชมสวน และเด็กๆ ยังได้สนุกกับเวิร์คช็อปงานฝีมืออีกด้วย โดยตลาดจะเปิดเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น เวลา 09.00 – 17.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ตลาดมดตะนอย สัมผัสชีวิตชุมชน และชิมอาหารฮาล้าล สุดอร่อย

6. นาโปแก จ.พัทลุง

ลงใต้ไปสูดโอโซนกันที่ นาโปแก อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ วิวท้องนา บรรยากาศบ้านๆ ไปเดินชิลล์บนสะพานไม้ นั่งถ่ายรูปที่กระท่อมปลายนา ชมแปลงข้าวสาธิต และเรียนรู้วิถีเกษตรกรคนเมืองลุงอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การเกี่ยวข้าว ไถนา ดำนา เลี้ยงควาย ขุดบ่อปลา เรียกว่าทั้งสนุกแถมได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อีกด้วย
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : นาโปแก สูดโอโซนกลางผืนนา จ.พัทลุง

7. สีสันลายศิลป์ อำเภอบ้านแหลม จ.เพชรบุรี

ถนนสายคลองโคน-ชะอำ เป็นเส้นทางลัดเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย มีวิวธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวนาเกลือให้ได้สัมผัส หากขับรถผ่านอำเภอบ้านแหลม จะเห็นกองเกลือสีขาว คล้ายภูเขาลูกเล็กๆ วางเรียงกันตลอดสองข้างทาง เพราะที่นี่คือแหล่งผลิตเกลือสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
และเมื่อมาถึง บ้านร่องใหญ่ หมู่ที่ 7 จะพบกับ สีสันลายศิลป์ บนถนนสายเกลือ ที่มีการเพ้นต์ภาพแต่งแต้มสีสันโรงเก็บเกลือให้ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนทำเกลือ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ตลอดเวลา อีกทั้งมีการสร้างสะพานไม้ทอดยาวลงไปในนาเกลือ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ชวนไปแชะ สีสันลายศิลป์ บนถนนสายเกลือบางแก้ว ทางผ่านสู่ชะอำ

8. แพไม้ไผ่ ริมแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี

พักกาย พักใจ ไปนั่งแพไม้ไผ่ หย่อนขาลงน้ำ ชมวิวมุมกว้างของแม่น้ำตาปี จุดเช็คอินแห่งใหม่ใน อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยผู้นำชุมชนและชาวบ้านได้นำไม้ไผ่ขนาดใหญ่มาต่อกันเป็นแพ เพื่อให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างได้ให้กับคนในชุมชน นักท่องเที่ยวจะมานั่งพักผ่อน ให้อาหารปลา หรือลงเล่นน้ำ นานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า ^^
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : พักผ่อนหย่อนขาที่ แพไม้ไผ่ ริมแม่น้ำตาปี หมุดหมายใหม่ของสุราษฎร์ธานี

9. สะพานข้ามบารายสวรรค์ โคราช

สะพานข้ามบารายสวรรค์ เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านที่นำไม้ไผ่มาสร้างเป็นสะพาน ทอดยาวลงไปในบึงบ้านปรางค์ เป็นระยะทางกว่า 300 เมตร เป็นทางเดินเหนือผืนน้ำที่เต็มไปด้วยกอบัวสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินรับลมชมธรรมชาติ สูดอากาศดีๆ และถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : “สะพานข้ามบารายสวรรค์”ชมบัว เดินชิลล์ แชะเพลิน ที่โคราช

10. หอชมทุ่งบ้านต้นตาล จ.สุพรรณบุรี

หอชมทุ่งบ้านต้นตาล มีลักษณะเป็นหอคอยไม้ไผ่ รูปทรงแปดเหลี่ยม สูง 20 เมตร ทั้งหมด 4 ชั้น โครงสร้างทำด้วยไม้ไผ่กว่า 2,000 ต้น ประกอบกันอย่างหนาแน่นและแข็งแรง ตั้งตระหง่านอยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่ และผืนนาเขียวขจี  นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นปีนขึ้นไปด้านบนสุดของหอคอย เพื่อชมวิวธรรมชาติในมุมสูง มองเห็นต้นข้าวพลิ้วไหวตามแรงลม ต้นมะพร้าวเรียงเป็นทิวแถวยาวอยู่ตามคันนา และเห็นไกลไปถึงวัดไผ่โรงวัว วัดชื่อดังของอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : พักสายตา มองวิวทุ่งนาสีเขียวที่ หอชมทุ่งบ้านต้นตาล จ.สุพรรณบุรี

11. สะพานไม้ไผ่บ้านเตย โคราช

แวะไปเติมความสดชื่นที่ สะพานไม้ไผ่บ้านเตย กันเสียหน่อย เดี๋ยวจะตกเทรนด์เอา สะพานไม้ไผ่แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใน ‘ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ จ.นครราชสีมา มีความยาวกว่า 300 เมตร สร้างคดเคี้ยวไปมาเหนือนาข้าวเขียวขจี ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทอดน่องชมวิว ถ่ายรูปชิลล์ๆ ตามอัธยาศัย
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ‘สะพานไม้ไผ่บ้านเตย’ โคราช น่าเดินถ่ายรูป สูดอากาศดี๊ดี

12. พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬ

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต เกิดจากความตั้งใจของ คุณสุทธิพงษ์ สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดัง ที่นำเรือนไทยอีสานดั้งเดิมของครอบครัว ที่อยู่อาศัยกันมาหลายเจเนอเรชั่น มาปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของครอบครัวชาวอีสานในสมัยก่อน
และอย่าลืมไปชม ภาพวาดเขียนสีเรื่องราวพญานาค กับอาชีพของแต่ละครอบครัวกว่า 20 ภาพตามฝาบ้านเรือนไม้อีสาน โดยวันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะมีพิธีเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬ เรียนรู้พื้นเพชาวอีสาน บนบ้านไม้หลังเก่า

13. พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ จ.พิจิตร

อีกหนึ่งที่เที่ยวเปิดใหม่ที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ จ.พิจิตร สถานที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับข้อมูลชุมชนชาวเวียดนามในบ้านดง ดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเริ่มต้นกู้ชาติคืนจากฝรั่งเศส ของประธานโฮจิมินห์ โดยได้นำเอกสาร สิ่งพิมพ์ วัตถุสิ่งของเกี่ยวกับชีวประวัติและชีวิตการทำงานของท่านมาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์

14. ทุ่งนาสะพานโยง จ.นครปฐม

สะพานไม้กลางทุ่งนา ไฮไลท์ใหม่ของ ร้านสะพานโยง จ.ศ. ๑๒๗๙ จังหวัดนครปฐม ร้านอาหารและคาเฟ่ บรรยากาศดี ติดริมน้ำ และสะพานไม้ที่พาดผ่านทุ่งนาสีเขียวนี้ ก็เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเล่นถ่ายภาพ หรือนั่งจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด ไปพร้อมกับดมกลิ่นใบข้าวหอมๆ และสัมผัสลมเย็นสบาย
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : เสพความเขียว นั่งชิลล์มองทุ่งนา ณ ร้านสะพานโยง จ.ศ. ๑๒๗๙

15. Legend Siam จ.ชลบุรี

Legend Siam สวนสนุกเชิงวัฒนธรรม (Thai Cultural Theme Park) แห่งแรก และแห่งเดียวในไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ตำนานแห่งสยาม’ ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ของคนไทยทุกยุคสมัย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก คือ
  • โซนภูมิแผ่นดิน – ความภาคภูมิใจในแผ่นดินไทย
  • โซนไทยอารยะ – วิถีการดำเนินชีวิตผ่านประเพณี และวัฒนธรรม
  • โซนสยามวิไลซ์ – ความศิวิไลซ์แห่งเมืองสยาม
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ปักหมุดเที่ยว ‘Legend Siam’ สวนสนุกเชิงวัฒนธรรม แห่งแรกในเมืองไทย

16. ถลางมณีคราม จ.ภูเก็ต

ถลางมณีคราม ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ แหล่งช้อปปิ้ง กิน เที่ยว ในบรรยากาศย้อนยุค โดยจำลองวิถีชีวิต วัฒนธรรมไทย และบ้านเรือนไทยไว้ครบทั้ง 4 ภาค มีโซนขายอาหารแบบสตรีทฟู้ด และบนเรือ เลือกอิ่มอร่อยกันได้ตามความชอบ แถมยังมีประเพณีไทย กิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมด้วย เช่น เทศกาลสงกรานต์ ลอยกระทง เพ้นท์พัดผ้าแพร เพ้นท์ผ้าบาติก ทำขนมครก ป้อนอาหารช้าง ล่องเรือชมตลาด ฯลฯ ก่อนกลับบ้านก็สามารถแวะช้อปปิ้งงานหัตถกรรมสุดเก๋ สินค้าแฮนด์เมดเริ่ดๆ เป็นของฝากได้อีก
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ถลางมณีคราม จ.ภูเก็ต ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ สไตล์ไทยย้อนยุค

17. ร้านกาแฟชายทุ่ง จ.ปทุมธานี

ร้านกาแฟแห่งพระเมตตาของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้น บริเวณคลอง 4 ถนนรังสิต-นครนายก จังหวัดปทุมธานี
นอกจากโซนร้านกาแฟแล้ว ยังมีสวนดอกไม้ให้ชมกันแบบสบายตา บริเวณด้านหลังยังมีบ่อปลา แปลงผักสวนครัว แปลงสมุนไพร แปลงนาสาธิต ที่เปิดให้ผู้คนเข้าไปศึกษากันได้แบบฟรีๆ ส่วนโซนสุดท้ายเป็นพื้นดินว่างเปล่า 11 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 19 ไร่ เป็นดินเปรี้ยว โดยทำโครงการศูนย์เรียนรู้เกษตรชุมชนเมืองในพื้นที่ดิน ตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ร้านกาแฟชายทุ่ง กาแฟแห่งพระเมตตาของ สมเด็จพระเทพฯ

18. ฮิโนกิแลนด์ จ.เชียงใหม่

ฮิโนกิแลนด์ อาณาจักรไม้หอมฮิโนกิแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย ตั้งอยู่ที่ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเนรมิตพื้นที่กว่าร้อยไร่ ให้กลายเป็นเมืองญี่ปุ่นจำลอง อลังการทั้งปราสาททอง เสาโทริอินับร้อยต้น สระน้ำขนาดใหญ่ สวนเซ็น และรายล้อมด้วยอาคารสไตล์เจแปนอีกหลายหลัง จนเหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ โดยจะเปิดตัวโครงการวันที่ 4 ตุลาคม 2561
ขอบคุณภาพจาก : Hinoki Land
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ : คนไทย  180บาท / ต่างชาติ 230 บาท
*โปรโมชั่นช่วงเปิดตัวใหม่ ลดค่าเข้าชมทันที 50 บาท และแจกบัตรส่วนลดมูลค่า 80 บาท ที่สามารถนำไปใช้ในโซน Hinoki shop และ hinoki studio ได้
ค่าเข้าชมเด็ก : คนไทย 50 บาท / ต่างชาติ 70 บาท
**เด็กส่วนสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตรเข้าฟรี

19. ตลาดน้ำสามโก้ จ.อ่างทอง

ขอบคุณภาพจาก : ตลาดน้ำสามโก้
ตลาดน้ำสามโก้ ที่เที่ยวสุดชิลล์แห่งใหม่ของ อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง แวะไปกิน ไปช้อป จากร้านค้ามากมายที่มีให้เลือก ด้านหลังตลาดอยู่ติดแม่น้ำ และสวนสาธารณะ มีลมพัดโกรกเย็นสบาย เหมาะแก่การไปปั่นจักรยาน นั่งเล่น พักผ่อน และให้อาหารปลา โดยตลาดน้ำสามโก้ จะเปิดในวันที่ 6 ตุลาคม 2561 

 20. พิพิธชัยพัฒนา จ.นครปฐม

พิพิธชัยพัฒนา นิทรรศการถาวรที่รวบรวมประวัติความเป็นมาในการก่อเกิดมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง โดยจัดแสดงในรูปแบบ Interactive เพื่อให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม และเพลิดเพลินไปกับโครงการในพระราชดำริกว่า 4,400 โครงการ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 70 ปี ในรัชสมัย ได้อย่างสนุกสนาน และเข้าใจอย่างถ่องแท้
ขอบคุณภาพจาก : มูลนิธิชัยพัฒนา

ความคิดเห็น

ผู้สนับสนุนโดย